อันตรายของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือ

จากการทดลองในต่างประเทศพบว่า กลุ่มคนที่ใช้มือถือบ่อยครั้งและใช้เวลามากในการโทรแต่ละครั้ง เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ใช้มือถือนานๆครั้งและในยามจำเป็น พบว่าคนที่ใช้มือถือบ่อยและใช้เวลาโทรมาก ในแต่ละวัน มีอัตราการเป็นมะเร็งสมอง หรือมีผลกระทบต่อร่างกายส่วนอื่นๆสูงกว่าผู้ที่ใช้มือถือในปริมาณที่น้อย ซึ่งเป็นผลมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือนั่นเอง โดยร่างกายของเราจะดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหล่านี้ขณะใช้งาน ทำให้เกิดผลกระทบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อระบบประสาทต่างๆ หรือเป็นตัวเร่งให้เซลในร่างการเกิดความผิดปกติไป จากผลการวิจัยของ Cleveland Clinic Center for Reproductive Medicine and Medical College of Wisconsin USA. และการวิจัยของประเทศอื่นๆ ได้แก่ ออสเตรเลีย ญี่ปุ๋น และในยุโรป พบว่าคลื่นแม่เหล็กดังกล่าวยังมีผลทำให้จำนวนสเปิร์มผู้ชายลดลงด้วย แต่จะยังไม่เห็นผลภายใน1-2ปี โดยจะเห็นผลระยะยาวภายใน10ปี
ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ.1998 เป็นต้นมา โทรศัพท์มือถือทุกรุ่น ทุกยี่ห้อที่จะออกวางจำหน่ายได้นั้นต้องผ่านการตรวจสอบค่า SAR Rating ด้วย (SAR = "specific absorption rate") หมายถึงการวัดปริมาณพลังคลื่นความถี่แม่เหล็กไฟฟ้าจากอุปกรณ์มือถือ โดยสามารถตรวจสอบค่า SAR ของโทรศัพท์มือถือได้ที่
http://www.ewg.org/cellphoneradiation/Get-a-Safer-Phone หรือค่า radiofrequency (RF) energy อีกทั้งต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่มีชื่อย่อว่า FCC โดยสังเกตุได้จากอักษร FCC Approve บนฉลากสินค้าบางประเภทในสหรัฐอเมริกา จะยินยอมให้โทรศัพท์ที่มีค่า SAR Rating ต่ำกว่า 2.0 W/KG ออกจำหน่ายได้ โดยวัดจากการใช้งานขณะที่เอามาแนบหูผู้ใช้ เสมือนกับการใช้งานจริง หากค่า SAR Rating มากกว่า 2.0 ถือว่าไม่ผ่านมาตรฐาน ต้องให้ผู้ผลิตรายนั้นๆไปหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขค่าใหม่ ก่อนส่งมาทดสอบต่อไป